Saturday, October 30, 2010

ฝึกนิสัยการกินให้เด็กๆ

วันนี้ เรามาฝึกนิสัยการกินอาหารให้เด็กๆ กันนะค่ะ วิธีการก็ไม่ยากเลยค่ะ

โดยที่พ่อแม่ควรฝึกให้เด็กกินอาหารอย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ เช่น ให้เด็กเคี้ยวข้าวให้ละเอียด อย่ารีบกิน อย่ากินข้าวคำน้ำคำ เป็นต้น

ควรฝึกให้เด็กกินผลไม้หลังอาหาร บ้วนปากหลังอาหาร ใช้ผ้าเช็ดปาก อย่าพูดตอนมีอาหารในปาก เมื่ออิ่มแล้วให้ดื่มน้ำ และอย่าเล่นทันทีหลังกินอิ่มแล้ว

เห็นมั้ยคะ ไม่ยากเลย แต่ต้องลงมือทำอย่างจริงจังนะคะ เพราะเด็กจะได้มีความเชื่อฟัง และไม่งอแงค่ะ แต่ก็อย่าให้หักโหมมากไป เพราะธรรมชาติของเด็ก ก็คือเด็กค่ะ 

Friday, October 29, 2010

ผลไม้แสนอร่อยสำหรับเด็กๆ

วันนี้มีเรื่องผลไม้มาฝากค่ะ เพราะเห็นว่าเด็กๆ หลายคนไม่ค่อยชอบกินผลไม้ หรือผัก แต่กลับชอบกินขนมถุงมากกว่า ซึ่งไม่มีประโยชน์ แถมยังมีโทษมากด้วยนะคะ
ทีนี้ เรามาหาวิธีสั้นๆ ง่ายๆ ที่ทำให้เด็กกินผลไม้ดีกว่าค่ะ

เริ่มที่หลังกินข้าวทุกครั้ง ควรฝึกให้เด็กกินผลไม้ตาม หรือกินแทนขนมเมื่อรู้สึกหิว เพราะเด็กจะได้รับวิตามินซีจากผลไม้ ทำให้มีภูมิต้านทานโรค และไม่เป็นโรคเลือดออกตามไรฟันด้วยนะค่ะ

Thursday, October 28, 2010

มาบำรุงสมองกันเถอะ

พ่อแม่บางคนอยากให้ลูกเรียนเก่ง มีสมองที่ดี แต่เวลาให้ลูกกินอะไรแต่ละอย่าง ไม่ค่อยเลือก หรือว่าตามใจลูกเกินไป เลยทำให้เด็กบางคน ไม่ยอมกินของมีประโยชน์ค่ะ ก็เลยเป็นผลให้ขาดสารอาหารไปเลี้ยงสมองไงคะ

ดังนั้น พ่อแม่ที่อยากให้ลูกสมองดี ควรให้ลูกกินอาหารที่มีแมกนีเซียม เช่น ถั่วลิสง เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วฝักยาว ถั่วหมัก หอยนางรม ข้าวโพด จมูกข้าวสาลี เต้าหู้ ปลาโอ กล้วย (เยอะเชียว) เพราะแมกนีเซียมจะช่วยให้เด็กมีสมองดี ช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกาย ไม่ทำให้หงุดหงิดง่าย บำรุงประสาท บำรุงกระดูก และช่วยไม่ให้แคลเซียมจับตัวเป็นก้อนค่ะ

Wednesday, October 27, 2010

วิตามินบี 2 ของเด็กๆ

เด็กๆ รู้มั้ยคะ ว่าวิตามินบี 2 มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ถ้าไม่รู้ ก็ไปถามคุณพ่อ คุณแม่ค่ะ เอ้ย! ไม่ใช่ค่ะ

จริงๆ วิตามินบี 2 มีประโยชน์หลายอย่างค่ะ แลยังดีต่อเด็กๆ ด้วยนะคะ ซึ่งวิตามินบี 2 สามารถพบได้มากในตับสัตว์ ปลาซาบะ ปลาซาร์ดีน ปลาลิ้นหมา อกไก่ นมวัว เนื้อหมู เนื้อสันใน หอยนางรม ไข่นกกระทา เห็ด 

เด็กที่ได้รับวิตามินบี 2 จะได้รับการเสริมสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยสร้างเยื่อบุต่างๆ และยังป้องกันช่องปากอักเสบด้วยค่ะ

Tuesday, October 26, 2010

เป็นเด็กต้องกินตับซิจ้ะ

วันนี้มาชวนเด็กๆ กินตับกันค่ะ (ไม่ใช่ปอบนะคะ อิอิ) แต่เพราะว่า ตับมีประโยชน์ต่อเด็กๆ มากค่ะ ยิ่งช่วงนี้อากาศเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายด้วย เด็กหลายคนอาจจะเป็นหวัดได้ง่ายค่ะ

ดังนั้น ตับสัตว์ควรจะเป็นอาหารที่เด็กๆ ควรจะกินเป็นเมนูหลักๆ เพราะมีวิตามินเอสูง ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณดี สายตาดี เสริมสร้างกระดูก เสริมสร้างภูมิต้านทานดี และไม่เป็นหวัดง่ายอีกด้วย

Monday, October 25, 2010

เด็กดี...มากินข้าวกัน

ทุกวันนี้ พ่อแม่หลายคนคงเหนื่อยกับการป้อนข้าวลูก หรืออ้อนวอนให้ลูกกินข้าวในแต่ละมื้อใช่มั้ยล่ะคะ ไม่เป็นไรค่ะ เราเป็นกำลังใจให้ อิอิ

และวันนี้ก็มีเคล็ดลับดีๆ (อีกแล้ว) มาฝากค่ะ อาจจะช่วยให้เด็กๆ อยากกินข้าวกันมากขึ้นก็ได้นะคะ

ซึ่งการจะทำให้เด็กอยากกินข้าวนั้น เป็นเรื่องไม่ยากเลยค่ะ หากเราใช้วิธีหรือเทคนิคเล็กน้อย ในการทำให้เด็กเกิดความรู้สึกอยากกินข้าว โดยที่พ่อแม่ต้องสร้างบรรยายกาศดีๆ ให้เด็กมีความสุข มีอารมณ์ดี เพราะเมื่อเด็กหงุดหงิดหรืองอแงแล้ว เด็กจะไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ

ถ้วยชามต่างๆ ที่ใช้ ก็ควรจะมีสีสันน่ากิน มีลายการ์ตูนน่ารักๆ การตกแต่งอาหาร ก็ควรมีการจัดวาง หรือดัดแปลงให้เป็นรูปร่างต่างๆ หรือมีการสร้างเรื่องราวขึ้นมา แล้วแต่ไอเดียจะบรรเจิดเลยค่ะ เพื่อให้เด็กเกิดความอยากกินไงล่ะคะ

ส่วนเมนูอาหารแต่ละวัน ก็ควรจะมีความหลากหลาย ไม่ควรทำอาหารเดิมๆ ให้เด็กกิน เพราะเด็กจะเบื่อง่าย แต่ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องสารอาหารที่เด็กจะได้รับด้วย

นอกจากนี้ ไม่ควรให้เด็กเล่นมากเกินไป เพราะเมื่อเด็กเล่นเหนื่อยมากๆ ก่อนถึงเวลากินข้าว เด็กจะดื่มน้ำมาก และทำให้กินข้าวได้น้อยลง

Sunday, October 24, 2010

อยากให้เด็กมีกล้ามเนื้อแข็งแรง

ใครอยากให้ลูกๆ แข็งแรง เชิญทางนี้ค่ะ เพราะเรามีวิธีทำให้เด็กๆ มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมาฝากกันค่ะ รับรองว่าเด็กจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากขึ้นค่ะ
 
วิธีการก็คือ ไม่ควรให้ลูกกินของหวานที่มีน้ำตาลมากเกินไปนะคะ เพราะจะทำให้ร่างกายขาดไธอามีนได้ค่ะ แต่ควรให้ลูกกินพวกเมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง ขนมปังโฮลวีต เครื่องในสัตว์ เนยแข็ง รำข้าว และข้าวกล้อง เพราะมีสารไธอามีนสูง ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง มีกำลังที่ดี ประสาทที่ขาและแขนทำงานได้ดี ไม่ทำให้เป็นเหน็บชาและเหนื่อง่ายด้วยล่ะค่ะ

เด็กคนไหนอยากตัวโต ต้องกินวิตามินเอ

เราเคยได้ยินมาว่า วิตามินเอ ทำให้สายตาดี แต่เท่านั้นยังไม่พอ เราขอเสนอประโยชน์ของวิตามินเอ อีกอย่าง คือ ทำให้เด็กเจริญเติบโตได้เร็วค่าาา

พ่อและแม่ควรให้เด็กได้กินอาหารที่มีวิตามินเออย่างสม่ำเสมอนะคะ เพราะถ้าเด็กขาดวิตามินเอ เด็กจะเจริญเติบโตช้า ซึ่งอาหารที่มีวิตามินเอ ได้แก่ ตับ น้ำมันตับปลา ผักปวยเล้ง ฟักทอง แครอท ใบแมงลัก บล็อกโคลี ตำลึง ผักกูด ชะอม มะระ ขี้เหล็ก มะม่วงสุก มะละกอ เป็นต้น

อย่าลืมให้เด็กๆ กินกันนะคะ จะได้ตัวโตๆ...

Friday, October 22, 2010

โปรตีน...เพื่อนของเด็กๆ

เด็กคนไหนชอบป่วยบ่อยๆ หรือป่วยง่าย ต้องนี่เลยค่ะ โปรตีน เพราะเป็นตัวสำคัญในร่างกายของเรา

ซึ่งเด็กเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต ถ้าเด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เด็กก็จะเติบโตช้าและมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ โดยเฉพาะการขาดโปรตีน ถ้าเด็กขาดโปรตีน เด็กก็จะป่วยง่าย และมีน้ำหนักตัวน้อยกว่ามาตรฐาน ทั้งยังมีปัญหาต่อการทำงานของสมองด้วยค่ะ

Thursday, October 21, 2010

วิตามินดี...ดีต่อเด็กๆ นะจ๊ะ

วันนี้ตื่นมาพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า เป็นเช้าที่น่าออกไปเดินเล่นมากเลยค่ะ เพราะจะได้ไปรับแสงแดดอ่อนๆ ได้รับวิตามินดีด้วยค่ะ

แต่หลายคน คงไม่ค่อยได้รับวิตามินดีจากแสงแดดยามเช้าเท่าไหร่ เพราะตื่นสาย อิอิ

แต่วิตามินดีนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายเรามากนะคะ และช่วยให้เด็กๆ แข็งแรงด้วยค่ะ เด็กๆ ควรได้รับวิตามินดี ในแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโรคกระดูกอ่อน ซึ่งนอกจากวิตามินดีจะมีอยู่ในแสงแดดแล้ว วิตามินดียังมีอยู่ในอาหารหลายอย่าง เช่น  ไข่ น้ำมันตับปลา ตับสัตว์ ปูทะเล และเห็ด

วิตามิน ดี มีความสำคัญต่อสุขภาพของเด็กทุกวัย เพราะช่วยดูแลกระดูก ช่วยควบคุมการผลิตเซลล์กระดูกโดยตรง และยังช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งจะทำให้กระดูกมีความแข็งแรง

นอกจากนี้ วิตามินดียังช่วยให้นอนหลับง่าย และทำให้เด็กๆ อารมณ์ดี ไม่งอแงบ่อยๆ ด้วยล่ะจ้า

Wednesday, October 20, 2010

เด็กสดใส ใส่ใจวิตามินบี 6


เด็กที่ไม่ค่อยสดใส และเฉื่อยชา อาจไม่ใช่เพราะ โดนเพื่อนๆ แกล้ง หรือโกรธใครมา แต่อาจเป็นเพราะ ขาดวิตามินบี 6 (แน่เลย)

ซึ่ง เด็กที่มีอาการเซื่องซึมไม่สดใสสมวัย อาจมีสาเหตุมาจากร่างกายขาดวิตามินบี 6 อาหารที่ควรให้เด็กทาน คือ งา ตับสัตว์ ลูกพรุน เนื้อสัตว์ ถั่วเหลือง กล้วยและกะหล่ำปลี

และเมื่อเด็กได้รับวิตามินบี 6 อย่างเพียงพอแล้ว จะทำให้เด็กมีความสดใส ไม่ซึมเศร้า ไม่อ่อนเพลียง่าย และยังมีระบบโครงกระดูกและฟันที่แข็งแรงอีกด้วยนะ 

นอกจากนี้ วิตามินบี 6 ยังมีส่วนช่วยให้ไม่เกิดโรคโลหิตจาง ป้องกันน้ำหนักลดและคลื่นไส้อาเจียนได้ ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี

Tuesday, October 19, 2010

ประโยชน์ของน้ำนมแม่

แม่นี้ มีบุญคุณ อันใหญ่หลวง...
ไม่ได้จะมาร้องเพลงค่าน้ำนมให้ฟังนะคะ แต่จะมาบอกถึงประโยชน์ของน้ำนมแม่ให้ฟังค่ะ เพราะถึงแม้สมัยนี้ จะมีนมชนิดต่างๆ ออกมามากมาย แต่นมแม่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับเด็กเล็กๆ นะคะ โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดจนถึง 3 เดือนค่ะ

เรามาดูประโยชน์ของน้ำนมแม่กันดีกว่าค่ะ

1. ทำให้เด็กไม่ท้องเสียง่าย
2. ไม่เสี่ยงต่อปัญหาโรคติดเชื้ออย่างนมวัว
3. เกิดความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกอย่างลึกซึ้ง
4. มีความสะอาด สะดวก และปลอดภัย
5. ประหยัดค่าใช้จ่าย
6. ไม่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้
7. เด็กจะมีภูมิต้านทานโรคการติดเชื้อสูง
8. มีปริมาณที่พอเหมาะ เมื่ออิ่มรู้สึกก็หยุดกินได้

อ่านจบแล้ว ก็อย่าลืมคิดถึงแม่ด้วยนะคะ...

พัฒนาการของเด็กอายุ 5 - 6 ขวบ


บ้านไหนมีเด็กวัย 5 - 6 ขวบ คงจะรู้ดีนะคะ ว่าซนขนาดไหน และยังชอบเล่นแบบโลดโผนอีกต่างหาก

วันนี้ก็เลยมีพัฒนาการของเด็กวัยนี้มาฝากกันค่ะ เผื่อจะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้บ้าง

พัฒนาการด้านร่างกาย
- ใช้กล้ามเนื้อมือได้ดี
- สามารถติดกระดุมเองได้
- ผูกเชือกรองเท้าได้
- จับดินสอเขียนเองได้
- ขึ้น ลง บันไดได้ดี
- กระโดดสลับขาได้ดี
- เดินทรงตัวได้ดี
- การประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อดีขึ้น

Monday, October 18, 2010

พัฒนาการของเด็กอายุ 4 - 5 ขวบ

มาคุยกันต่อเรื่องพัฒนาการของเด็กวัย 4 - 5 ขวบ ดีกว่าค่ะ เพราะหลายบ้านคงมีปัญหา หรือพยายามหาวิธีแก้ปัญหากับเด็กวัยนี้อยู่ มาดูกันเลย...

พัฒนาการด้านร่างกาย
- ชอบปีนป่าย
- วิ่งและกระโดดได้เร็ว
- เดินขึ้น ลง บันไดได้ดี และสลับเท้าได้
- ปั่นจักรยาน 3 ล้อได้คล่อง บังคับรถเองได้
- จับโยนสิ่งของได้ดี

Saturday, October 16, 2010

พัฒนาการของเด็กอายุ 3 - 4 ขวบ

มาถึงเด็ก 3 - 4 ขวบ บ้างนะคะ เด็กวัยนี้เป็นวัยที่น่ารักค่ะ พูดค่อนข้างรู้เรื่องแล้ว แต่ก็ยังดื้อมากอยู่ดี (แย่จัง...) 

พัฒนาการด้านร่างกาย
- ยืนขาเดียวและเขย่งปลายเท้าได้
- วิ่งขึ้น ลง บันไดได้
- เดินเร็วได้ดี
- กระโดดได้
- เตะลูกบอลได้
- ตัดกระดาษได้บ้าง

พัฒนาการของเด็กอายุ 2 - 3 ขวบ

วันนี้เรามาเรียนรู้ถึงพัฒนาการของเด็กวัย 2 - 3 ขวบ นะคะ เป็นวัยที่กำลังน่ารักที่สุดเลยค่ะ เพราะพูดคุยได้รู้เรื่อง และกำลังเชื่อฟังค่ะ แต่สำหรับบางบ้านอาจจะไม่ใช่ อิอิ

พัฒนาการด้านร่างกาย
- สามารถเดินขึ้น ลง บันไดได้ แต่ยังเดินสลับเท้าไม่ได้
- วิ่งได้ แต่ยังไม่มั่นคง กระโดด 2 ขาได้
- ยืนขาเดียวได้ แต่แค่เวลาสั้นๆ
- ปั่นจักรยาน 3 ล้อได้
- ร้องเพลงที่เนื้อหาสั้นๆ และง่ายๆ ได้
- ถอดเสื้อผ้าได้เอง

Thursday, October 14, 2010

หนังสือภาพที่ดี เป็นอย่างไร?

ตอนเด็กๆ หลายคนคงไม่ค่อยได้อ่านหนังสือภาพมากเท่าไหร่ ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะสมัยก่อน ไม่ค่อยมีหนังสือภาพมากมายเหมือนสมัยนี้ และเด็กสมัยนี้ ก็ชอบอ่านหนังสือภาพมากขึ้น เพราะมีทั้งภาพ ทั้งเสียง ที่น่าติดตามไงล่ะคะ

ซึ่งหนังสือภาพที่ดี คือหนังสือที่ภาพและเรื่องมีความกลมกลืนกันดี หากภาพและเนื้อเรื่องไม่มีความกลมกลืนกันล่ะก็ เด็กจะไม่มีอารมณ์ร่วมกับหนังสือภาพเล่มนั้น เวลาเด็กดูหนังสือภาพ เด็กจะสมมุติว่าตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องนั้น ดังนั้น เรื่องที่ได้ยินจากหูต้องเป็นภาษา และจังหวะที่มีความสอดคล้องกับภาพด้วย

ส่วนภาพที่น่ารัก สีสันสดใส ไม่ใช่มาตรฐานในการเลือกหนังสือภาพให้เด็กๆ นะคะ ภาพอาจจะดึงดูดความสนใจของเด็กในระยะแรก แต่เป็นความสนใจอย่างผิวเผิน ไม่ใช่ความประทับใจที่ลึกซึ้งยาวนาน เพราะสายตาของเด็กมีความแหลมคมและลึกซึ้งมากกว่าผู้ใหญ่มากค่ะ

หนังสือภาพสำหรับเด็ก 5 - 6 ขวบ

วันนี้มาดูกันว่า หนังสือภาพที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ ควรจะเป็นแบบไหน พ่อแม่จะได้ซื้อได้ถูกใจเด็กๆ ที่บ้านไงล่ะคะ

เด็กวัย 5 - 6 ขวบ เป็นวัยที่ชอบหนังสือภาพนิทานและเรื่องเล่าที่ยาวขึ้น เด็กมีความต้องการในการฟังนิทานมาก แต่ก็ไม่ควรซื้อหนังสือภาพนิทานให้อ่านมากเกินไป จนอ่านไม่ทัน เพราะบางที เด็กจะชอบให้พ่อแม่อ่านหนังสือภาพเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ติดกันหลายๆ วัน

พ่อแม่อาจจะรู้สึกเบื่อที่ต้องอ่านหนังสือเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา แต่ถ้าอดทนเพื่อลูกแล้ว จะมีประโยชน์ต่อลูกมาก เพราะเด็กบางคนสามารถจดจำคำพูดในหนังสือที่ยาวๆ ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการทางด้านภาษาของเด็กอย่างดีเลยค่ะ

Wednesday, October 13, 2010

หนังสือภาพสำหรับเด็ก 4 - 5 ขวบ

เมื่อเด็กมีอายุถึง 4 ขวบ ความสามารถทางด้านภาษาจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมากค่ะ ความชอบของเด็กแต่ละคนก็จะแตกต่างกันอย่างชัดเจนด้วยเหมือนกัน

ดังนั้น หนังสือภาพที่เหมาะสมกับเด็กวัยนี้ จะเป็นนิทานและเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นสำหรับเด็ก ซึ่งเด็กวัยนี้ เป็นวัยที่สร้างพื้นฐานด้านจินตนาการที่สร้างสรรค์ เมื่อเด็กฟังนิทานทางหูและเข้าไปอยู่ในโลกของนิทาน เด็กก็จะวาดภาพเรื่องราวตามไปด้วย

การที่เด็กวาดภาพขึ้นเองในสมอง จากภาษาที่ได้ฟัง เป็นพลังจินตนาการที่จะเป็นพลังการเรียนรู้จากการอ่านหนังสือในอนาคตของเด็ก ซึ่งถ้าเด็กไม่มีประสบการณ์ในการฟัง รับรู้และวาดภาพจินตนาการเอง รู้จักแต่การอ่านหนังสือตามตัวอักษร เด็กสามารถอ่านออกได้จริง แต่ก็จะอ่านไม่เข้าใจลึกซึ้ง

Tuesday, October 12, 2010

หนังสือภาพสำหรับเด็ก 2 - 3 ขวบ

พ่อแม่บางคน อย่าคิดว่าเด็กเล็กยังอ่านหนังสือไม่ออก แล้วไม่เอาหนังสือให้ลูกอ่านนะคะ เพราะเด็กวัยนี้ เป็นวัยที่ชอบฟังนิทาน ชอบดูภาพที่เค้าชื่นชอบค่ะ

หนังสือภาพจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็กๆ ค่

เมื่อเด็กมีอายุถึง 2 ขวบ เด็กจะมีความชื่นชอบต่างกัน แล้วแต่สภาพแวดล้อมของการเลี้ยงดู รวมทั้งอิทธิพลของพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกต่างกัน

การเลือกหนังสือภาพสำหรับเด็กวัยนี้ คือ เลือกหนังสือที่เด็กสนใจและชื่นชอบค่ะ ไม่ควรบังคับให้เด็กอ่านหนังสือที่พ่อแม่ชอบ หรือต้องการให้อ่าน เพราะหนังสือภาพเป็นความสุขของเด็ก ไม่ได้เป็นหนังสือเรียนนะคะ

Monday, October 11, 2010

หนังสือภาพใกล้ตัวเด็ก


เด็กแต่ละคน จะมีความสนใจและลักษณะนิสัยต่างกัน รวมทั้งมีพัฒนาการที่ต่างกัน ในสภาพแวดล้อมของแต่ละครอบครัวค่ะ แต่ถ้าเด็กมีหนังสือภาพอยู่ใกล้ตัว ในช่วงอายุประมาณ 8-10 เดือนแล้ว เด็กทุกคนจะแสดงอาการสนใจหนังสือภาพนั้น

หนังสือภาพสำหรับเด็กวัยทารก ไม่ใช่หนังสือสำหรับอ่านนะคะ แต่จะเป็นหนังสือภาพ ซึ่งเด็กจะเห็นหนังสือภาพเป็นเหมือนของเล่นชิ้นหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมและเปิดมามีภาพต่างๆ หลากสีในแต่ละหน้า เด็กจะรู้สึกสนุกกับการค้นพบสิ่งต่างๆ ในหนังสือภาพ ยิ่งถ้าเปิดมาเจอรูปที่่รู้จัก เช่น รถ หมา แมว ผลไม้ ด้วยแล้ว เด็กก็จะมีความสนใจมากขึ้นอีก

Sunday, October 10, 2010

ประโยชน์ของหนังสือภาพ

วันนี้ มาดูประโยชน์ของหนังสือภาพกันค่ะ เพราะไม่ใช่แค่เอาไว้อ่านอย่างเดียวนะคะ แต่หนังสือภาพยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกค่ะ

แต่ที่แน่ๆ หนังสือภาพนั้น มีประโยชน์และมีคุณค่ามากมายสำหรับเด็กและพ่อแม่ ส่วนประโยชน์อื่นๆ ของหนังสือภาพ ก็มีดังนี้ค่ะ

1. มีภาพที่สวยงาม น่าอ่าน
2. เป็นสื่อที่ทำให้เด็กเกิดความสนใจ และสามารถดึงดูดความสนใจจากเด็กได้ดี
3. ภาพที่ใช้ในหนังสือ เป็นภาพที่สื่อออกมาให้เด็กเข้าใจได้ง่าย
4. เด็กมีสมาธิในการอ่านได้นาน เพราะมีแต่ภาพที่เด็กๆ ชื่นชอบ
5. ไม่ทำให้เด็กเกิดความกดดัน เพราะไม่ต้องมานั่งท่องจำ หรือจดจำ เนื่องจาก ภาพที่ใช้ในหนังสือ เป็นเหมือนภาษาให้เด็กๆ เข้าใจได้ง่ายอยู่แล้ว
6. หนังสือภาพยังเสริมสร้างจินตนาการแก่เด็กได้ดีกว่าการนั่งดูโทรทัศน์ด้วย

อย่าลืมอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอนด้วยนะคะ...

Wednesday, October 6, 2010

ทีวีกับหนังสือภาพ

สมัยนี้ เด็กคนไหนที่ไม่ค่อยได้ดูทีวีคงเอาเรื่องการ์ตูนต่างๆ ไปคุยกับเพื่อนๆ ไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเด็กคนไหนไม่ค่อยได้ดูทีวี ก็จะมีสมาธิที่ดีกว่าเด็กที่ดูทีวีบ่อยๆ นะคะ 

เพราะเด็กที่ได้ดูทีวีตั้งแต่เล็กๆ มีชีวิตที่ผูกติดกับจอทีวีทั้งวัน และไม่มีใครอ่านหนังสือภาพให้ฟังเลย จะส่งผลให้เด็กไม่มีจินตนาการในการอ่านหนังสือภาพ หรือไม่มีพัฒนาการในการอ่านหนังสือภาพได้ดี

เพราะการดูทีวี เป็นการรับทางด้านเดียว ไม่มีการตอบสนองความรู้สึก ไม่มีความอบอุ่น ส่วนหนังสือภาพนั้น ถ้าเด็กไม่ตั้งใจอ่าน ไม่มีสมาธิ ก็จะอ่านไม่รู้เรื่อง

ทีวีเป็นเครื่องจักรกล ไม่สามารถพัฒนาพื้นฐานสำคัญในการศึกษาอีกด้านหนึ่งได้ นอกจากความแตกฉานทางด้านภาษา ซึ่งก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้าง ในขณะที่หนังสือภาพ สามารถเป็นสื่อกลางสร้างขึ้นมาได้ เพราะหนังสือภาพไม่ใช่หนังสือสำหรับให้เด็กอ่าน แต่เป็นหนังสือที่ผู้ใหญ่อ่านให้เด็กฟังนั่นเองค่ะ

การเลี้ยงดูลูกในความเงียบ

วันนี้ มาเลี้ยงลูกในความเงียบกัน เอ๊ะ! มันเป็นยังไงนะ...มาดูกันเลยค่า 

การเลี้ยงดูเด็ก ไม่ควรจะอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังหนวกหู หรือมีแต่ความวุ่นวาย เพราะจะทำให้เด็กขาดสมาธิได้นั่นเอง เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย มีแต่เสียงรบกวนนั้น จะไม่มีสมาธิในการจดจำและเรียนรู้ได้ดีเท่ากับเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เพราะสิ่งเร้าต่างๆ จะคอยเข้ามารบกวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดึงดูดความสนใจจากสถานที่เรียนรู้นั้นไป ส่งผลให้เด็กขาดสมาธิในที่สุดค่ะ

ความเงียบจึงมีความสำคัญและจำเป็นต่อการเรียนรู้ของเด็ก ดังนั้น แทนที่พ่อแม่จะคอยเร่งรัดและยัดเยียดความรู้ให้ลูก พ่อแม่ควรคิดหาวิธีทำให้ลูกสมองว่างจะดีกว่านะคะ

การทำให้เด็กสมองว่าง คือ การปล่อยให้เด็กเล่นจนเพลิน หรือปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเงียบสงบ ซึ่งความเงียบจะทำให้ภาษาพูดมีพลังและยังทำให้เด็กเกิดสมาธิด้วยล่ะค่ะ

การอ่านหนังสือภาพให้เด็กๆ ฟังก่อนนอน จึงเป็นการสร้างความสุขให้เด็กในช่วงเวลาที่มีสมาธิ หนังสือภาพจึงมีพลังอันมหาศาลในการสร้างการเรียนรู้แก่เด็กๆ ไงล่ะคะ

Tuesday, October 5, 2010

การเลี้ยงดูเด็กกับการสั่งสอน

เด็กจะดีได้ ก็ต้องได้รับการเป็นตัวอย่างที่ดีจากพ่อแม่นั่นเอง...

การกระทำของผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการพูด หรือการกระทำใดๆ ก็ตาม นั่นคือแบบอย่างของเด็ก และเด็กก็คือกระจกเงาของผู้ใหญ่เช่นกัน ดังนั้น ปัญหาของเด็กก็จะเป็นภาพสะท้อนของผู้ใหญ่ด้วย

ถ้าอยากให้ลูกรู้คุณค่าของชีวิต พ่อแม่ก็ต้องรู้จักคุณค่าของชีวิตก่อน ซึ่งสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับพ่อแม่ ก็คือ ลูก นั่นเอง พ่อแม่ควรเฝ้าดูลูก ดูชีวิต และหยุดคิดว่า ชีวิตคืออะไร

พ่อแม่สมัยนี้ มักจะให้ความสนใจในด้านการพัฒนาสติปัญญาของลูกมากเกินไป เหมือนเห็นว่าลูกเป็นเป้าหมายทางวิชาการมากกว่าการเลี้ยงดู ให้คุณค่าทางชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งพ่อแม่เข้าใจผิดว่าการเลี้ยงดูคือการสั่งสอน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกเป็นไปอย่างผิดๆ และส่งผลต่อเด็กทางด้านจิตใจค่ะ

การผลักดันเด็กจากทางบ้านรวมกับทางโรงเรียน ทำให้เด็กเกิดการต่อต้าน และไม่อยากที่จะเปิดใจรับฟังสิ่งต่างๆ จากพ่อแม่และครูอีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้น ผู้ที่ต้องร่วมรับผิดชอบต่อความทุกข์ของลูก ก็คือพ่อและแม่นั่นเอง

ดังนั้น การเลี้ยงดูเด็ก คือการปลูกฝังให้เด็กมีความเป็นคนมีจิตใจและอารมณ์ที่มั่นคง รู้จักปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว และมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ดี สิ่งสำคัญที่สุด สำหรับเด็กปฐมวัย คือ หัวใจที่เปิดกว้าง และจินตนาการสร้างสรรค์อย่างเสรีค่ะ

Monday, October 4, 2010

เรียนรู้ภาษาจากหนังสือภาพ

เด็กๆ สามารถเรียนรู้ภาษาได้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวค่ะ ซึ่งภาษาที่ใช้ก็จะเป็นภาษาธรรมดาทั่วไปนี่แหล่ะค่ะ และมีความหมายที่เข้าใจง่าย
เด็กยังสามารถเรียนรู้ภาษาได้จากหนังสือภาพด้วยนะคะ เพราะหนังสือภาพเป็นเหมือนคลังภาษาสำหรับเด็ก ซึ่งหาซื้อได้ง่ายและยังอยู่ใกล้ตัวด้วย ซึ่งเด็กจะจดจำภาษาที่มีสำนวนที่สละสลวยน่าฟัง

ดังนั้น การเลือกหนังสือภาพสำหรับเด็ก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา ซึ่งก็คือเรื่องของสำนวนภาษาที่ใช้ในการเล่าเรื่องนั้นๆ จะต้องเป็นสำนวนที่น่าฟัง มีความไพเราะ เพราะเด็กเป็นผู้ฟัง ครูหรือพ่อแม่เป็นผู้เล่า ไม่ใช่ผู้แต่งหนังสือ ฉะนั้น หนังสือภาพจึงเป็นหนังสือของผู้เล่า ไม่ใช่ผู้เขียน

Sunday, October 3, 2010

สร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็ก ด้วยหนังสือภาพ

สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องดีๆ สำหรับการอ่านหนังสือภาพของเด็กๆ มาฝากค่ะ เนื่องจากว่า ทุกวันนี้ เด็กหลายคนมักมีสมาธิสั้น และไม่ค่อยสนใจอ่านหนังสือเท่าไหร่ ดังนั้นเราจึงเอาเคล็บลับที่จะฝึกให้เด็กๆ รักการอ่านมาฝากค่ะ 

หนังสือมีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็กเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหนังสือภาพ ซึ่งเป็นทั้งอาหารสมองและอาหารใจของเด็ก พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน เป็นเด็กเรียนเก่ง (ใช่มั้ยคะ)
     
การทำให้เด็กรักหนังสือนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ เพราะว่าเด็กทุกคนมีความอยากรู้อยากเห็น และชอบเรื่องสนุกสนานอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเด็กได้หนังสือที่ตนชอบและอยากอ่าน เด็กก็จะตั้งใจอ่านโดยไม่มีใครมาบังคับหรือสั่ง ถ้าหากพ่อแม่ห้าม เด็กก็จะแอบอ่านเองค่ะ